นั่งดูดอย นอนดูดาว อาบน้ำใต้แสงจันทร์ ทานหมูกระทะหน้าระเบียงส่วนตัว ชมทะเลหมอก ท่ามกลางดอกหญ้าน้ำพุ ที่พักที่โดดเด่นกว่า เต็นท์ใส แห่งเดียวบนดอยม่อนแจ่ม หนองหอยแคมป์ ที่เที่ยว ที่กิน ที่พัก ที่เดียว โทร.064-5591642
ม่อนล่อง ม่อนแจ่ม แม่ริม เชียงใหม่
ม่อนล่อง ม่อนแจ่ม แม่ริม เชียงใหม่

ม่อนล่อง ม่อนแจ่ม แม่ริม เชียงใหม่

ม่อนล่อง ม่อนแจ่ม แม่ริม เชียงใหม่

หากใครเคยไปเที่ยวม่อนแจ่ม ก็จะเห็นป้ายไปม่อนล่องตรงจุดที่เล่นรถไม้ที่เป็นเนินสูงๆ ขึ้นไปนั้นแหละครับ หลายคนคงได้เคยคุ้นหูหรือได้ไปเที่ยวกันมาบ้างแล้วม่อนล่องอยู่เลยขึ้นไปจากม่อนแจ่ม พูดถึงม่อนแจ่มสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตหลายคนคงเลยไปเที่ยวกันมาแล้ว แต่จะมีซักกี่คนที่ได้เดินทางต่ออีกนิดไปสัมผัสกับจุดชมวิวที่สูงที่สุดใน อำเภอแม่ริม นั้นก็คือ “ม่อนล่อง ม่อนแจ่ม” สามารถมองเห็นวิวของเมืองเชียงใหม่ได้ด้วย ม่อนล่องตั้งอยู่ในโครงการหลวงบ้านหนองหอย ถูกพัฒนาขึ้นให้เป็นจุดชมวิวและเป็นจุดกางเต็นท์ อากาศดีตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงฤดุหนาวอากาศหนาวและดีมากเป็นพิเศษ ด้วยความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,450 เมตร หากท่านที่ต้องการขึ้นไปกางเต็นท์จะต้องเตรียมตัวให้พร้อมเนื่องจาก ม่อนล่อง ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ ไม่มีร้านค้า ไม่มีไฟฟ้า มีแต่ห้องน้ำ และป่าเท่านั้น ดังนั้นเราจึงต้องเตรียมอุปกรณ์อาหารการกินให้พร้อมที่จะใช้ในการตั้งเต้นท์กลางป่ากัน ของที่ควรเตรียมไปด้วยหลักๆ อาหารน้ำดื่ม ไฟฉาย ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวที่จำเป็น เป็นต้น บรรยากาศตอนกลางคืนจะมีแต่เสียงอันไพเราะของแมลง และเสียงลมพัดต้นไม้ใบไม้อันพริวไหวในยามค่ำคืน ม่อนล่องเป็นที่ที่เหมาะกับการพักผ่อนแบบเงียบๆและดื่มด่ำกับธรรมชาติอย่างเต็มที่

 

ม่อนล่อง ม่อนแจ่ม
ม่อนล่อง ม่อนแจ่ม

บริเวณจุดชมวิวสูงสุดเป็นที่ตั้งของศาล ‘ขุนหลวงวิรังคะ’ อดีตกษัตริย์ชาวลัวะ หรือ ลาวจักราช กลุ่มชนที่ปกครองอาณาจักรล้านนา 8 ดินแดนในบริเวณภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย หรือชื่อเดิม ‘นครทัมมิฬะ’ มีประวัติอันยาวนาน โดยเรื่องมีอยู่ว่าในสมัยโบราณมีกษัตริย์ชาวลัวะชื่อ “ขุนหลวงวิรังคะ” เป็นเจ้าเมืองระมิงค์นคร เป็นกษัตริย์ที่แข็งแกร่งมีคาถาอาคมแก่กล้า ได้สูญเสียมเหสีอันเป็นที่รักไปทำให้เกิดความทุกข์เศร้าใจเป็นอย่างมากจนทำให้ข้าทาสบริวาณต้องช่วยกันหาทางขจัดความทุกข์ โดยได้ทูลให้ทราบเกี่ยวกับความงดงามอันหาที่เปรียบมิได้ของ พระนางจามเทวี ที่เป็นกษัตริย์ปกครองเมืองหริภุญชัย เมื่อได้ฟังความดังนั้นขุนหลวงวิรังคะจึงได้ส่งขบวนไปอัญเชิญ พระนางจามเทวีมาเป็นมเหสี แต่พระนางจามเทวีไม่ต้องการที่จะเป็นมเหสีของขุนหลวง จึงได้ออกอุบายว่าหากต้องการพระนางไปเป็นชายาต้องแสดงอานุภาพโดยการพุ่งเสน้า (หอกหรือแหลน) ไปให้ถึงเมืองหริภุญชัย (ลำพูน) โดยขุนหลวงวิรังคะได้ตกลงและพุ่งเสน้าเป็นการทดสอบในครั้งแรกจากดอยสุเทพไปตกที่หนองน้ำทางทิศเหนือของเมืองหริภุญชัย จนต่อมาชาวบ้านเรียนบริเวณนั้นว่า “หนองเสน้า” พระนางจามเทวีเห็นดังนั้นจึงหาทางแก้ไขโดยการออกอุบายถวายหมวกเพื่อให้เป็นกำลังใจแก่ขุนหลวงวิรังคะ แต่พระนางได้ลงอาคมคาถาไว้ที่หมวก เมื่อถึงยามที่ขุนหลวงจะพุ่งเสน้าจริง ๆ ก็เกิดลมพัดอย่างแรงทำให้ไม่สามารถพุ่งเสน้าไปถึงเมืองหริภุญชัยได้ โดยเสน้าไปตกอยู่ที่ดอยเงิน ทำให้ขุนหลวงเกิดความโมโหเป็นอย่างมากจึงได้ยกทัพเพื่อไปทำศึกกับเมืองหริภุญชัย แต่ได้รับความพ่ายแพ้กลับมา ซ้ำยังบาดเจ็บสาหัสและก่อนที่จะสิ้นใจได้บอกให้เหล่าบริวารนำพระศพไปฝังไว้ยังจุดที่สามารถมองเห็นเมืองหริภุญชัยได้ตลอดเวลา ดังนั้นจึงได้มีการนำ ล่อง (โลงศพ) เดินทางลัดเลาะไปตามสันเขาเพื่อหาจุดฝังพระศพ แต่เมื่อถึงบริเวณหนึ่ง โลงศพเกิดพลิกคว่ำชาวบ้านจึงเรียกบริเวณนั้นว่า “ม่อนล่อง” หรือ “ม่อนคว่ำล่อง” จึงเป็นที่มาของชื่อ ม่อนล่อง อยู่บนดอยม่อนแจ่ม วิวสวยงาม น่าไปท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก สถานที่ท่องเที่ยวแหล่งใหม่ที่ยังมีคนรู้จักน้อย แต่สวยมากอีกแห่ง

ม่อนล่อง ม่อนแจ่ม
ม่อนล่อง ม่อนแจ่ม
ม่อนล่อง ม่อนแจ่ม
ม่อนล่อง ม่อนแจ่ม
ม่อนล่อง ม่อนแจ่ม
ม่อนล่อง ม่อนแจ่ม
ม่อนล่อง ม่อนแจ่ม

การเดินทาง

การเดินทางไปม่อนล่องให้ใช้เส้นทางเดียวกับการเดินทางขึ้นม่อนแจ่มแต่เมื่อถึงม่อนแจ่มให้เลี้ยวขวาเพื่อเดินทางต่อขึ้นไปม่อนล่องโดยมีระยะทางประมาณ 4 กม. ระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่มาที่ม่อนล่อง 40 กม. ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองประมาน หนึ่งชั่วโมงครึ่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *